ทั้งแฟนเพจ และเว็บไชต์ต่างมีข้อดี ข้อเสียและความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน
ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว Facebook มีความได้เปรียบในแง่ของการเข้าถึงของผู้ใช้งาน ความง่ายในการใช้งานและเหมาะที่จะทำ CRM เนื่องด้วยทำการตลาดได้ง่ายกว่า และค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า แต่ Website ก็มีความเหมาะสมสำหรับธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง และธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการ เช่น โรงแรม ,ธุรกิจสุขภาพ ,ธุรกิจท่องเที่ยว ,ธุรกิจขายส่ง เป็นต้น ซึ่งคนที่ใช้บริการเหล่านี้ก่อนจะตัดสินใจใช้สินค้าหรือบริการล้วนต้องเข้ามาหาข้อมูลก่อนที่จะเลือกใช้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง
ถ้าจะเปรียบการมีแฟนเพจนั้นเหมือนกับการมีคีออสหรือหน้าร้านในห้างสรรพสินค้า การมีเว็บไซต์ก็จะเป็นเหมือนที่ตั้งบริษัทหรือโกดังใหญ่นั่นเอง ซึ่งการมีเวบไซต์ก็จะทำให้ความน่าเชื่อถือของธุรกิจมีมากขึ้น ดังนั้นการมีเว็บไซต์ที่สวยงามน่าเชื่อและแฟนเพจที่ดีประกอบกันจะเป็นตัวเลือกแรกที่ลูกค้าจะใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกบริการของเรา
Facebook
ข้อดี
• ไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นเราจะโฆษณา
• ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย
• สื่อสาร กับ ลูกค้าได้ง่าย
ข้อเสีย
• รูปแบบตายตัว และไม่ยืดหยุ่น
• แสดงข้อมูล แบบ Timeline จึงทำให้บทความที่นานแล้วไม่ค่อยมีคนสนใจ
• ความน่าเชื่อถือขึ้นอยู่กับความ เคลื่อนไหว และยอดฐานลูกค้าเป็นหลัก จึงจำเป็นต้องมีคนดูแลสม่ำเสมอ
• คอนเท้นที่มากขึ้นในเฟซบุ๊ค ทำให้ยากในการดึงความสนใจจากผู้คน
• คอนเท็นซ์ไม่แบ่งเป็นหมวดหมู่จึงเหมาะที่จะสื่อสารเป็นหลักแต่ไม่เหมาะที่จะไว้แสดงข้อมูล
Website
ข้อดี
<br
• ความน่าเชื่อถือสูง โดยทั่วไปลูกค้าจะเชื่อถือองค์กรที่มีเว็บไซต์มากกว่า
• ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ตามความต้องการของเจ้าของธุรกิจ
• สามารถเพิ่มฟังชั่นได้ตามความต้องการ เช่น ระบบจอง ระบบซื้อขาย เป็นต้น
• ข้อมูลสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่ ผู้ใช้สามารถหาข้อมูลตามที่ตนเองต้องการ
• ความน่าเชื่อถืออยู่ที่รูปแบบเว็บไซต์
• การทำ Marketing ได้หลากหลายรูปแบบมากกว่า
ข้อเสีย
• มีค่าใช้จ่าย
• เข้าถึงผู้คนได้ยากกว่า ต้องใช้ทักษะหลายๆอย่างเพื่อดึงคนเข้า เช่น SEO , Marketing
ในส่วนของธุรกิจเกี่ยวกับบริการสุขภาพหรือคลินิกทันตกรรมนั้น การมีเวบไซต์ก็มีส่วนอย่างยิ่งในการสร้างความน่าเชื่อถือ คนไข้สามารถเห็นภาพรวมของคลินิกเหมือนเดินชมคลินิกอยู่บนหน้าจอเลยทีเดียวทำให้คนไข้สามารถเข้าถึงคลินิกได้ดีกว่าการเข้าแฟนเพจมาก โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชาวต่างประเทศด้วยแล้ว จะนิยมติดต่อผ่านทางเวบไซต์หรืออีเมลมากกว่าเฟซบุ๊ค กลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้จะมาด้วยข้อมูลจากเวบไซต์เป็นหลัก และสิ่งที่สำคัญคือการมีเวบไซต์ที่ดีจะทำให้การค้นหาในกูเกิ้ลขึ้นในอับดับแรกได้ด้วย