ประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้จะมี 3 แบบ คือ ประกันชีวิตทั่วไป ประกันสุขภาพ และประกันชีวิตแบบบำนาญแต่ละแบบชำระอย่างไร มาดูกันค่ะ
1. ประกันชีวิตทั่วไป
ประกันชีวิตจากทุกกรมธรรม์สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่สูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บ.
ซึ่งประกันชีวิตทั่วไป จะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ แบบตลอดชีพ แบบชั่วระยะเวลา แบบสะสมทรัพย์ และแบบลงทุน
แต่ประกันชีวิตที่จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ต้องเป็นแบบประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป และถ้ามีเงินคืนทุกปีระหว่างสัญญา เงินคืนต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี แต่ถ้าคืนเป็นช่วงระยะเวลา เช่น คืนทุก 3 ปี หรือ 5 ปี เงินที่ได้รับคืนต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา
ตรงส่วนนี้ให้เราระวังเวลากรอกยอดรวมของเบี้ยประกัน ตอนที่เราซื้อประกันอาจจะมีพ่วงประกันอื่นๆอยู่ในยอดรวมเดียวกัน ซึ่งบางรายการจะใช้ลดหย่อนไม่ได้ ดังนั้นเวลากรอกให้นำเฉพาะยอดประกันชีวิตเท่านั้น
2. ประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพจากทุกกรมธรรม์สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 25,000 บ. และเมื่อรวมกับประกันชีวิตทั่วไปแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บ.
ประกันสุขภาพ ได้แก่ ประกันที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ โรคร้ายแรง หรือ ประกันภัยการดูแลระยะยาว
ส่วนเบี้ยประกันสุขภาพที่เราจ่ายให้บิดามารดา เราสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่รวมกับประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตของเรา โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้รวมกันสูงสุดไม่เกิน 15,000 บ.
3. ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บ.
แต่ถ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนประกันชีวิตทั่วไป อาจลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บ.
เช่น ถ้าเรามีเงินได้ 1,000,000 บ.
ซื้อประกันบำนาญไป 200,000 บ.
และประกันชีวิตทั่วไป 100,000
เราจะสามารถนำมาลดหย่อนในส่วนประกันบำนาญ 15% ของรายได้ 150,000 เท่านั้น
แต่ถ้าเราซื้อประกันชีวิตทั่วไปแค่ 50,000 บ. ยังเหลือส่วนสิทธิประกันชีวิตทั่วไปอีก 50,000 บ. เราสามารถนำส่วนของเบี้ยบำนาญอีก 50,000 บ. ไปหักลดหย่อนเป็นประกันชีวิตทั่วไปได้
จึงแนะนำให้เรากรอกในยอดประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บ. ก่อนที่เหลือจึงค่อยมากรอกประกันชีวิตแบบบำนาญ
และการลดหย่อนภาษีของประกันบำนาญนั้น เมื่อรวมกับ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)/ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ RMF ต้องไม่เกิน 500,000 บ. ด้วยนะคะ
การทำประกันนั้นต้องวางแผนการจ่ายหรือการลดหย่อนให้ไม่กลายเป็นภาระของเรา มือใหม่ก็ต้องระวังซื้อประกันจนตึงหรือเกินการลดหย่อนมากเกินไป ดูการคุ้มครองและ ประโยชน์จากกรมธรรม์นั้นๆด้วย
มือเก๋าก็ต้องตรวจดูอายุกรมธรรม์เพราะทำไว้นานๆก็จะลืม สิทธิในการลดหย่อนจะได้ไม่ตกไปนะคะ
ทันตแพทย์ก็มักจะเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกๆ ที่น้องพนักงานแบงค์มักจะโทรมาขอยอด
เราต้องตั้งตัวให้ดี เตรียมคำปฏิเสธไว้ให้มั่นเหมาะ เพราะถ้านางรู้ว่าเราอ้อนได้ นางก็จะมานั่งเฝ้าเว้าวอนจนเราใจอ่อน 6/10 5/12 อะไรก็ว่าไป 4หมื่น 5หมื่น ได้ไปอีกกรมธรรม์