อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

รับสมัคร..ผู้ช่วยอีกแล้วเหรอ!

รับสมัคร.. ผู้ช่วยทันตแพทย์อีกแล้วเหรอ! มีคนถามว่าคลินิกมีกี่สาขาทำไมรับคนเยอะจัง????อยากจะยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา>>>สาขาเดียวนี่ละค่ะวิกฤตแรงงานมั้ยถามสิคิดไปคิดมาหลายตลบกลับมาโทษตัวเองต่องานเรามันไม่น่าทำรึไงนะหรือคลินิกเราไม่น่าอยู่….ใช่ นั่นก็เป็นไปได้!!!ในยุคที่…ขายครีมก็รวยเต้นติ้กตอกก็รวยขายบอนสียังรวยมันทำให้งานที่ต้องอาศัยแรงและใช้ทักษะแบบงานผู้ช่วยทันตแพทย์นั้น หาคนมาทำงานยากจริงๆนะด้วยเนื้องานที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเค้า เริ่มต้นวันแรกยังกะแดนสนธยา เครื่องมือบ้าๆเป็นร้อยชื่อ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรับคนข้ามาวันแรกแล้วรุ่งขึ้นเค้าก็หายไปเลยในสัปดาห์แรกของพนักงานใหม่ ก็จะเป็นอะไรที่ลุ้นมากว่าเช้านี้ มันจะมามั้ยว่ะ5555ยิ่งเราเป็นงานภาคเอกชนเล็กๆที่นับวันยิ่งมีช่องว่างกับงานราชการมากขึ้นทุกวันโดยเฉพาะวุฒิป.ตรี ราชการรับราวๆหมื่นหกถึงหมื่นแปด หยุดสองวันและยังมีนักขัตฤกษ์อีกตลอดปีทำงานแปดโมงครึ่ง บ่ายๆก็เถลไถลได้ไม่มีใครว่าความต่างยิ่งมากขึ้นทุกวันทางแก้ในตอนนี้ก็คือรับพนักงานไว้เกินสักแรงหรือครึ่งแรง เวลาขาดแล้วมันจะได้ไม่ตึงเกินไป เพราะรับมาแล้วกว่าจะได้ใช้งานได้จริงก็ร่วมๆ3 เดือนแต่อย่างไรก็ตามมันก็หายากจริงๆนะ

อ่านต่อ

อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

“ทำอาหาร”กับ”เปิดร้านอาหาร”มันคนละเรื่องกัน…ว่ามั้ย

"ทำอาหาร"กับ"เปิดร้านอาหาร" มันคนละเรื่องกัน...ว่ามั้ย ทำฟันก็เช่นกัน...ทำฟัน = คุณหมอเปิดคลินิก = เจ้าของกิจการทั้ง 2 อย่างนั้นใช้ทักษะคนละอย่างกันเราใช้เวลา 6 ปี ในการเรียนรู้และเตรียมตัวสำหรับการเป็นหมอแล้วถ้าเราจะเปิดคลินิก...อย่าลืมใช้เวลาเพื่อเรียนรู้และเตรียมตัวสำหรับการเป็น เจ้าของกิจการด้วยนะคะ

อ่านต่อ

อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

เมื่อสรรพการเรียกหา..ต้องทำอย่างไร??

เมื่อสรรพการเรียกหา..ต้องทำอย่างไร?? ทำงานมา 15 ปี ได้รับจดหมายจากสรรพากร 3 ครั้ง มีเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมที่คลินิก 1 ครั้ง จากประสบการณ์ที่มี บอกตรงนี้เลยค่ะ… ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะ ถ้าได้รับหนังสือมาก็เปิดอ่านเลยค่ะ ลองดูเนื้อความที่ท่านทักทายเรามา อาจจะให้เราไปแสดงยอดลดหย่อนพร้อมใบเสร็จ หรืออาจให้เรายื่นเอกสารหัก ณ ที่จ่ายเพิ่มเติม หรือให้เราชำระภาษีครึ่งปีก็เป็นได้ อ่านได้ใจความว่าอย่างไรก็จัดการตามนั้นเลยค่ะ โดยส่วนตัวจะโทรกลับทันทีที่ได้รับจดหมาย รายงานตัวพร้อมกับนัดเวลาที่จะเข้าพบ ถามเอกสารต่างๆที่ต้องเตรียมไป ท่าทางต้องแสดงชัดเจนว่าให้ความร่วมมือเต็มที่ อยากได้เอกสารอะไรให้บอกมาเลย ขอนัดล่วงหน้าสัก2-3 วันเผื่อรวบรวมเอกสารและหาของติดไม้ติดมือไปด้วยนะคะ ไปก่อนเวลานัดสัก 10 นาที ชี้แจงเอกสารให้เรียบร้อย ส่วนของฝากก็วางไว้บนโต๊ะ แต่ยังไม่ต้องให้นะคะ วางไว้พอให้ได้รับความเมตตาก็พอค่ะ เสร็จธุระค่อยให้เป็นการแสดงความขอบคุณ ส่วนของฝากก็ไม่ต้องเล่นใหญ่เล่นโตนะคะ อาจจะเป็นขนมเจ้าดังหรือผลไม้พรีเมี่ยมสักนิดสักหน่อย พอรู้ว่าจัดหามาพิเศษนะคะ ของฝากนั้นก็แค่แสดงว่าเราขอบคุณที่เค้าช่วยเหลือเราแค่นั้นเองค่ะ อย่าลืมว่าเรื่องภาษีหรือกฏหมายต่างๆเราแค่พอรู้หรือเราจะรู้เยอะก็ตาม แต่เค้าก็สามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำที่ดี ช่วยอำนวยความสะดวกเราได้มากเช่นกันค่ะ สิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าคลินิกจะเล็กแค่ไหน สิ่งที่ต้องมีและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอก็คือ >>>บัญชีประจำเดือนค่ะ บัญชีก็ทำแบบง่ายๆก็ได้ค่ะ รายรับ>> รับมาเท่าไหร่ มีหัก ณ ที่จ่ายมั้ย อันนี้สำคัญนะ มันจะไปสำแดงในระบบ ดังนั้นในบัญชีเราควรมียอดอันนี้อยู่ด้วย รายจ่าย>> จ่ายอะไรไปบ้าง ทุกอย่างควรมีบิลและเก็บบิลให้เรียบร้อย สรุปกำไรสุทธิแต่ละเดือน เอกสารควรจะจัดทำทุกเดือนพร้อมโชว์ตลอดเวลา...

อ่านต่อ

อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

ดีที่สุด…ไม่มีอยุ่จริง!!! มีแต่คำว่า…ดีขึ้น

ดีที่สุด...ไม่มีอยุ่จริง!!! มีแต่คำว่า...ดีขึ้น คนไข้เยอะ คิวยาวเป็นเดือน!!! จุดนี้คือจุดที่น่ากลัวที่สุดจุดนึงเลยนะ คิดว่าหลายคนคงเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว และถ้าใครยังอยู่ในจุดนี้ได้ก็ขอคาราวะ และอยากจะขอคำชี้แนะด้วยเช่นกันค่ะ แต่ในภาวะที่หมอฟันเยอะขึ้น คลินิกมากขึ้น ก็ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดหายไป ยอดคนไข้จัดฟันลดลง ยอดรวมก็อาจจะลดลงเช่นกัน ประเด็นก็คือถ้าเรากำลังอยู่ในจุดที่คนไข้เค็มตารางนัด จงอย่าลิงโลดใจ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่ต้องทำคือ อย่าปล่อยให้คนไข้เยอะ จนนั่งรอเต็มคลินิก เยอะจนเราทำไม่ทัน เพราะถ้าเราไม่หาระบบมาจัดการ หรือหาวิธีมาควบคุมคุณภาพของบริการ เวลาคนไข้หายไป ก็จะไปเลยนะคะ แต่... สิ่งที่จะต้องทบทวนอยู่เสมอ หาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมคนไข้ถึงเยอะ ทำไมคนไข้จึงมาหาเรา แล้วรักษามาตรฐานนั้นไว้อย่าให้ตก เมื่อคุณจัดการระบบได้ ยอดสูงขึ้นแต่คนไข้ก็จะไม่แออัดแล้วถือว่าเราจัดการสำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่จุดที่ปลอดภัย คุณจะวางใจได้ก็ต่อเมื่อ คุณได้พัฒนาบางอย่างให้ดีเพิ่มขึ้นไปอีก แล้วมันก็จะมาถึงจุดที่คนไข้แน่น คิวเต็มอีกครั้ง หลังจากนั้นคุณก็จะต้องพัฒนามันขึ้นไปอีก จนทุกอย่างดีขึ้นพร้อมกับยอดที่อาจจะไม่สูงขึ้นแต่คงจะไม่ตกลงล่ะกัน มาถึงตอนนี้เราจะรู้สึกว่าเอ๊ะ!! ใช่ค่ะ... มันจะไม่มีวันอยู่ตัว เพราะไม่มีคำว่าดีที่สุด มีแต่ว่า…มันจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ฟังดูแล้วเหนื่อยใช่มั้ยคะ แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าของคลินิก คุณคือเจ้าของธุรกิจ คุณต้องทำค่ะ โลกมันเปลี่ยนไวมาก จนไม่กล้าบอกเลยว่า “ไม่ต้องทำก็ได้” เพราะเอาจริงๆก็ไม่กล้าเหมือนกัน คลินิกทันตกรรมมันจะไม่ใช่ตลาดผูกขาดอีกต่อไป และผู้บริโภคสมัยนี้ก็เปลี่ยนใจง่ายซะด้วยสิ

อ่านต่อ

อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง…ต้องชนะบ้างแหละ

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง...ต้องชนะบ้างแหละ #รู้เขา มีใครบ้างที่เราต้อง...รู้เขา คนแรกเลยคือ #คนไข้ หรือลูกค้าของเราไงคะ ไม่มีทางที่คนทั้งประเทศจะเป็นคนไข้ของเรา บางคนชอบโค้ก บางคนชอบเปปซี่ แล้วใครล่ะที่ชอบคลินิกเรา เด็กเล็กๆ วัยรุ่น วัยทำงาน วัยเกษียณ คนแถวไหน มาด้วยแนะนำหรือมาด้วยสื่อโซเชียล จ่ายเงินเองหรือมีคนจ่ายให้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่ากัน มาด้วยรถแบบไหน แล้วทำไมถึงเลือกมาที่เรา เรื่องนี้เราต้องรู้นะคะ รู้แล้วก็มัดให้อยู่หมัดเลยค่ะ คนที่สองที่เราต้องรู้คือ #คู่แข่ง ของเรานั่นเองค่ะ ฟังดูแล้วดุเดือดมั้ยคะ ใช้คำว่าคู่แข่ง การมองว่าเป็นคู่แข่งนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะคะ เพราะเราไม่ใช่จะเลือกทุกคนมาเป็นคู่แข่งเรา ..จริงมั้ย มันต้องสูสีกันหน่อย มันต้องแย่งมาร์เก็ตแชร์เราไปได้บ้างแล้ว ดังนั้นคนที่เราเลือกมาเป็นคู่แข่งก็หมายความว่าเราาเลือกแล้ว5555555 แล้วคู่แข่งเราคือใคร อันนี้ส่วนตัวจะเลือกฟังจากคนไข้ค่ะ ถ้าคนไข้เอ่ยชื่อคลินิกไหนขึ้นมาในคลินิกเราก็จะนับเป็นคู่แข่งทันทีนะ เลือกแล้วก็แอบส่องบ้าง แอบสปายหน่อย โลตัสยังส่งคนไปส่องบิ๊กซีเลย แล้วไปกันทุกสัปดาห์นะ นับประสาอะไรกับเราที่จะส่องเพื่อนบ้างไม่ได้ เพื่อนเค้าก็ส่องเรา ก็เจ๊าๆกันไป เราต้องรู้จักคู่แข่งเราเพื่อที่เราจะได้โฟกัสได้ถูกจุด มีคนให้เปรียบเทียบมันก็ทำให้เราเห็นจุดอ่อนตัวเองได้ง่ายขึ้น แข่งขันกันให้บริการที่ดีกว่าสนุกกว่าเล่นอยู่คนเดียวตั้งเยอะ รู้เขาสองคนไปแล้ว ที่นี้ก็มา #รู้เรา บ้าง ข้อนี้สำคัญที่สุดดค่ะ เราต้องรู้จักตัวเองก่อน เราเป็นใคร เก่งตรงไหน และแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร ง่ายๆก็คือเราดีกว่าคนอื่นยังไงนั้นเองค่ะ ...เพราะการเล่นเป็นตัวเองมันง่ายที่สุดค่ะ ดูง่ายๆ จากร้านอาหารล่ะกันค่ะ บางร้านทำแกงหวานยังกะต้มบวชฟักทอง แต่ก็ยังมีคนไปกิน ก็ใช่ไง... ก็เพราะมันมีคนที่ชอบกินหวานไง เค้าก็จะได้กลุ่มลูกค้ากลุ่มนั้นไป ถ้าเค้าเล่นทำหวานน้อยคนเหล่านี้ก็จะไม่มากินแถมบ่นอีก แกงจืดไปนะไม่ถึงเลย ก็เหมือนเราเเหละถ้าเราเป็นหมอพรอส แต่มีคนทักว่าคลิกนิกโน้นมีเด็กเต็มไปหมดเลยแล้วเราจะต้องหันมาทำเด็กเพื่อเอาคนไข้ด้วยมั้ย...ก็คงไม่ เราต้องเลือกว่าเราจะเล่นตลาดไหน จะตลาด nich หรือตลาด mass แล้วโฟกัสให้ตรงจุด ยิงให้ตรงเป้า ดังนั้น ให้โฟกัสที่คนที่ชอบเราให้มากๆ พัฒนาในจุดแข็งของเราให้เต็มที่และเสริมจุดอ่อนแค่อย่าให้มันเป็นจุดด้อยก็พอ ทำธุรกิจมันก็เหมือนเล่นเกม ต้องเลือกเกมที่เราจะเล่น อย่าเล่นในเกมที่เราแพ้ และเกมที่เราไม่ควรเล่นเลยก็คือ...เกมราคา เพราะมันจะพังทั้งตลาด สู้กันด้วยคุณภาพสนุกกว่ามากเพราะไม่ว่าผลมันจะเป็นอย่างไร ประโยชน์ก็ตกแก่สังคม แก่พื้นที่ที่เราอยู่ ตกแก่คนไข้ของเรานี่แหละค่ะ ถ้ายึดผลลัพธ์อันนี้ รู้เขา รู้เรา...รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้งแน่นอนค่ะ

อ่านต่อ

อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

6 วิธีป้องกันการโกงเงินในคลินิก

6 วิธีป้องกันการโกงเงินในคลินิก #โกงเงินในคลินิก เป็นปัญหาคลาสสิคอย่างหนึ่งที่เราอาจจะไม่ทราบว่ามีอยู่ในคลินิกเราก็เป็นได้ กว่าเราจะรู้ก็เกิดขึ้นแล้วหลายครั้งหรือหลายสิบครั้ง หรือหลายร้อยครั้งก็เป็นได้นะคะ สาเหตุส่วนใหญ่ก็เกิดจากพนักงานและความหละหลวมของเราที่มักจะอยู่กันแบบไม่มีระบบที่ชัดเจน และเราก็นั่งทำคนไข้ในขณะที่พนักงานกำลังคิดเงิน . . ลองดูง่ายๆว่า... เราลงบัตรคิดเงินคนไข้ไป 800 บาท พนักงานผู้ซึ่งทราบอยู่แล้วว่า คนไข้ท่านนี้ไม่เคยขอใบเสร็จ ก็เข้าทาง... เลยแจ้งคนไข้ว่า ค่าใช้จ่ายวันนี้ 1000 บาทนะคะ เสร็จแล้ว 200 สบายๆ อันนี้ถ้าคิดแบบวินวิน คือหมอไม่ได้เสียตังค์หนิ หนูไม่ได้โขมยเงินหมอนะ...ก็คือเจ๊านะ เอ๊ะ...แต่ได้เหรอ จบวันทำแบบนี้สัก 3 เคส ได้แล้ว 600 สบายๆ เดือนๆนึงได้มากกว่าเงินเดือนอีก5555 . . หลายท่านแก้ปัญหาโดยการให้ญาติหรือคุณแม่มานั่งเฝ้าเคาเตอร์ ซึ่งก็เป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง แต่คือ ท่านคงไม่ได้เฝ้าให้เราได้ตลอดเวลาและตลอดไปใช่มั้ยคะ หรือติดกล้องวงจรปิด ถามว่าเราสามารถมานั่งเช็คกล้องได้ทุกวันหรือไม่ ตอบตรงนี้เลยว่า...ไม่ ไม่เช็คแน่นอน แล้วเด็กมันก็รู้ว่าเราเช็คหรือไม่เช็ค ช่วงนี้หมอยุ่งๆ ไม่เช็คชัวร์ หมอเปิดกล้องยังไม่เป็นเลย ไม่เช็คชัวร์...เรื่องพวกนี้นังเด็กเรามันรู้หมดล่ะคะ . เลยลองสรุปมาคร่าวๆ เท่าที่ทำมานะคะ . . 6 วิธีป้องกันการโกงเงินในคลินิก #คัดเลือกพนักงาน ข้อนี้สำคัญมาก การคัดเลือกพนักงานที่มีเทือกเถาเหล่ากอที่ดี อันนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนมีเชื้อมีสายใดๆนะคะ แต่หมายถึงเราควรรู้ข้อมูลเค้าประมาณนึง พ่อแม่เป็นใคร บ้านอยู่ไหน ที่บ้านมีพฤติกรรมอย่างไร พฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวพนักงานเองเป็นอย่างไร...

อ่านต่อ

อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

“ปรับปรุงการให้บริการ ไม่ใช่ การเรียนบุคลิกภาพ”

"ปรับปรุงการให้บริการ ไม่ใช่ การเรียนบุคลิกภาพ" หลายองค์กรที่เวลาจะจัดสัมนาหรือพัฒนาบริการมักจะหาวิทยากรด้านบุคลิกภาพมา ต้องยืนแบบนั้น ต้องนั่งแบบนี้ ไหว้ตรงนั้น มือวางตรงนี้ จริงๆแล้วมันใช่มั๊ยยยยยย ไหว้สวยแล้วคนไข้จะยอมนั่งรอนานๆได้ ยืนสวยแล้วคนไข้จะกลับมาซื้อซ้ำ??? เอาจริงบุคลิกดีมันก็ดูดี แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะคนไข้สัมผัสเราไม่ใช่แค่ทางสายตาเท่านั้น แต่มันมาทุกทางเลยค่ะ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ครบทวารทั้ง 6 เลยค่ะ พูดต้องเพราะ คลินิกต้องสวย กลิ่นโรงแรมห้าดาวต้องมา น้ำดื่มต้องมี หมอต้องมือเบา ที่สำคัญที่สุดคือใจต้องมา คือใจต้องมา และมาจากทุกคน มาจากทุกโมเม้นที่คนไข้รู้สึกตัวและไม่รู้สึกตัว ยิ่งมาถี่ได้เท่าไหร่ยิ่งดี จับไปถึงหัวใจคนไข้ได้ในเสี้ยววินาทีที่คนไข้สบตา หรือเสี้ยววินาทีใดๆที่คนไข้จะรู้สึกได้ ยกตัวอย่างเช่น คนไข้อาจจะนั่งเล่นโทรศัพท์แล้วหันซ้ายหันขวา เรายื่นสายชาร์จหรือแนะนำจุดชาร์จ ถ้าเค้ากำลังมองหามันอยู่จังหวะนั้นจะเป็น nanomoment ที่จะติดเข้าไปในหัวใจคนไข้ โดยที่เค้าอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มันต่างกับประสาทสัมผัสอื่นนะ เช่น เมื่องมองด้วยตา คลินิกสวยคนไข้อาจจะไปบอกเพื่อนได้ว่า "คลินิกนี้สวยนะ" แต่โมเม้นต์ที่เค้าไม่รู้ตัว โมเม้นต์ที่จับไปที่หัวใจเค้า เค้าอาจจะพูดออกมาไม่ได้แต่เค้าจะรู้สึกว่า "ไปสิคลินิกนี้ดีนะ" มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะตีความว่าใจนี่คือ จิตใจบริการหรือ service...

อ่านต่อ

อ่านต่อ
blog, Dentbiz101, การจัดการคลินิก

make a speech คือทักษะหนึ่งที่เจ้าของกิจการหรือ CEO ในทุกกิจการควรจะต้องมี

make a speech คือทักษะหนึ่งที่เจ้าของกิจการหรือ CEO ในทุกกิจการควรจะต้องมี เราจะเห็นตามหน้าฟีดบ่อยๆ ที่ยกQuat สั้นๆของ นักธุรกิจดังๆมาโพสต์ ไม่ว่าจะองค์กรเล็กหรือใหญ่ ล้วนแต่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยคน และคนก็ต่างกับเครื่องจักรที่นอกจากใช้เงินในการขับเคลื่อนแล้ว ยังใช้ใจด้วย และสิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะให้กำลังใจหรือแสดงความใส่ใจในพนักงานของคุณก็คือการพูด ชื่นชม ให้กำลังใจ แสดงความห่วงใยหรือขอบคุณในโอกาสที่เหมาะสม ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือการโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย หมอกับผู้ช่วยถึงแม้จะทำงานใกล้ชิดกันมาก แต่บางครั้งก็แทบจะไม่ได้คุยกัน ยิ่งช่วงวัยห่างกัน ผู้ช่วยบางคนก็มีแม่ที่อายุเท่าเรา555 การพูดคุยในเรื่องเดียวกันจึงอาจจะต่อกันไม่ค่อยติดล่ะ เพลงที่เรารู้จักบางทีมันก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ5555 การสื่อสารจึงจำเป็นมากที่จะกระชับความรู้สึกของผู้ช่วยหรือพนักงานของเรา ให้เป็นไปในทิศทางที่เราต้องการ

อ่านต่อ